ถ้าคุณคือคนที่เล่นโซเชียลหนักหรือต้องทำงานออนไลน์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะคอยเช็คอีเมล์ลูกค้า ตอบแชทเจ้านาย จนกลายเป็นคนติดโทรศัพท์มือถือแบบไม่รู้ตัว ในบางครั้งก็เริ่มหลงลืมคนข้างๆ มีอาการสมาธิสั้น เครียดสะสม หรือซึมเศร้า นั่นคือสัญญาณที่ไม่ดีแล้วนะ
เพราะความพัฒนาของโลกดิติตอลที่ทำให้อะไรๆหลายๆอย่างในชีวิตของคุณง่ายขึ้น แต่ความสะดวกสบายที่ได้ก็แลกมาพร้อมกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จากการสำรวจข้อมูลปี 2560 พบว่าการใช้โทรศัพท์มือถือของคนไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น 5 เท่า ซึ่งในทางตรงกันข้ามก็จะมีผู้คนที่จะมีอาการเจ็บป่วยมากขึ้นจากการจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือนานเกินไปเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่เราควรตระหนักว่าเราใช้งานโทรศัพท์มือถือเกินความจำเป็นหรือเปล่า เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ
อาการที่บอกว่าคุณกำลังติดโทรศัพท์มือถือ
1. หมกมุ่นกับโซเชียล
ถึงแม้จะไม่มีเรื่องด่วนแต่คุณก็จะหยิบมือถือขึ้นมาดูตลอดเวลา หรือหากพบเจอเรื่องอะไรก็ตามในแต่ละวัน คุณก็เลือกที่จะแสดงความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างลงในโซเชียล นั่นถือเป็นสัญญาณที่บอกแล้วว่าคุณกำลังติดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสุขภาพกายและใจของคุณแย่ลง อย่างเช่น
อาการนอนไม่หลับ ที่คุณและใครหลายๆคนก็น่าจะเคยเจอมาแล้ว เนื่องจากแสงหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เราเล่นกันอยู่ในทุกวันรบกวนระบบสมอง และยังมีข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ที่มีผลต่อความรู้สึกนึกคิด
โรคซึมเศร้าได้อีกด้วย เพราะมีผลวิจัยที่ยืนยันได้ว่าผู้คนในปัจจุบันมีความเสี่ยงเป็นโรคทางด้านจิตใจและเกี่ยวข้องกับประสาทค่อนข้างมาก จากการติดโทรศัพท์มือถือทำให้ผู้คนเกิดอาการอ่อนไหวง่าย ไม่มั่นใจ ไม่กล้าเจอผู้คน รู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับ จนนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้
2. อาการตาแห้ง ตาล้า
หากคุณเพ่งหรือจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือนานเกินไป จนทำให้มีอาการตาแห้ง ตาล้า นั่นเพราะว่ากล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตาของคุณทำงานหนักเกินไป หรือแม้ว่าคุณกระพริบตาน้อยเกินไป ก็ส่งผลให้ตาของคุณแห้งได้ ดังนั้นคุณควรจะป้องกันด้วยการสวมแว่นปรับแสงอัตโนมัติทุกครั้งที่ต้องจ้องหรือเพ่งหน้าจอเป็นเวลานาน เนื่องจากเลนส์ของตัวแว่นจะช่วยตัดแสงสีฟ้าที่เป็นตัวอันตรายต่อดวงตา ถ้าหากคุณไม่ป้องกันก็อาจจะส่งผลให้คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่างๆได้ เช่น
โรควุ้นตาเสื่อม เป็นอาการมองเห็นจุดเล็กๆลอยผ่านไปมา โดยปกติจะพบในผู้สูงอายุและผู้ที่ใช้สายตาจดจ้องที่โทรศัพท์มือถือที่มีรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและแสงสีฟ้าเป็นเวลานานๆ
โรคมะเร็ง แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคุณมีทั้งรังสีและคลื่นสนามแม่เหล็กที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานานจึงมีโอกาสที่ทำให้เกิดเนื้องอก และเติบโตไปเป็นมะเร็งได้
3. อาการปวดคอ บ่า ไหล่ห่อ คอยื่นตลอดเวลา
เกิดจากการที่ความดันในหมอนรองกระดูกมากดทับไขสันหลัง หรือการที่คุณก้มหน้า ค้อมตัว จดจ่อก้มดูหน้าจอโทรศัพท์มากเกินไป ทำให้คอ บ่า และไหล่เกิดอาการเกร็งจนเลือดไหลเวียนไม่สะดวก หากอาการหนักมากขึ้นก็อาจส่งผลให้เกิดโรคที่ร้ายแรงขึ้นได้ เช่น
โรค Text Neck Syndrome ซึ่งจะมีอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และไหล่ เป็นอาการเจ็บ ชา ร้าวจากคอไปถึงมือ หรือที่เรียกกันว่าโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทส่วนคอ
4. ปวดข้อมือ ปวดนิ้ว นิ้วล็อค
อาการพวกนี้เกิดจากการใช้มือกด จิ้ม สไลด์หน้าจอเป็นเวลานานด้วยท่าเดิมซ้ำๆ จนทำให้เปลือกหุ้มเส้นเอ็นเกิดการอักเสบ ตีบลง หรือขาดความยืดหยุ่น จึงไม่สามารถยืดหรืองอได้ คุณสามารถป้องกันได้ด้วยการบริหารมือด้วยยางยืดบริหารมือ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก และยังช่วยคลายความเครียดได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถใช้งานได้หมดเลยนะ
ถ้าคุณเริ่มมีอาการใดอาการหนึ่งแล้วแปลว่ามันเป็นสัญญาณเตือนให้คุณลดการใช้งานโทรศัพท์มือถือลงบ้าง เพราะคุณติดโทรศัพท์มือถือมากไปแล้ว คุณสามารถปรับพฤติกรรมได้ในตอนนี้ก่อนที่โรคร้ายจะมาถึง เพียงลดการใช้งานมือถือในแต่ละวันลงบ้าง เช่น ลองใช้นาฬิกาปลุกแทนโทรศัพท์มือถือ เก็บมือถือตอนกินข้าว ไม่ใช้มือถือระหว่างขับรถ หรือถ้าหากจำเป็นต้องใช้จริงๆก็ควรป้องกันด้วยการสวมแว่นกรองแสงหรือแว่นปรับแสงอัตโนมัติทุกครั้ง เพราะอย่างน้อยก็ช่วยในการตัดแสงสีฟ้าที่เป็นผลให้จอประสาทตาของคุณเสื่อมได้ ลองใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีมือถือตลอดเวลาบ้าง ลองปิดแจ้งเตือนและให้เวลากับคนข้างๆมากขึ้นก็จะเพิ่มความสุขให้คุณและก็ยังเพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย