อาการปวดคอ เป็นอีกหนึ่งอาการยอดฮิตของพนักงานชาวออฟฟิศต่อจากอาการปวดหลังเลยก็ว่าได้ มักเกิดจากการนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง นั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ หรือระดับของหน้าจอคอม โน๊ตบุ๊คไม่อยู่ในระดับสายตา บางคนนั่งแล้วตัวสูงกว่าโต๊ะทำให้ต้องก้มคอตลอดเวลาการทำงาน หรือวางเอกสารที่จะพิมพ์งานอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ทำให้ต้องมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อคออยู่ตลอดเวลา และอีกสาเหตุที่สังเกตได้ง่ายๆ เลยก็คือ การก้มหน้าเล่นมือถือเป็นประจำ หรือการนอนดูซีรีส์เกาหลี ก็ทำให้เกิดอาการปวดคอได้อย่างง่ายๆ
จากพฤติกรรมการก้มหน้าพิมพ์งาน ก้มหน้าเล่นมือถือ หรือการก้มหน้าดูซีรีส์หรือหนัง เป็นพฤติกรรมที่ทำให้ลักษณะท่าทางของร่างกายอยู่ในแนวที่ไม่สมดุลกัน ทำให้เกิดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติหรือไม่สมดุลกันนั้นเอง เมื่อเรามีพฤติกรรมแบบเดิมซ้ำๆ จึงทำให้เกิดอาการปวดคอได้ และเมื่ออาการสะสมนานเข้า ไม่ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาจจะทำให้เกิดโรค “กระดูกคอเสื่อม” ตามมาได้
โรคกระดูกคอเสื่อม
กระดูกคอเสื่อม (Cervical spondylosis) เป็นภาวะที่เสื่อมขึ้นตามอายุ โดยเกิดจากการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลังสูญเสียน้ำ และความยืดหยุ่น ทำให้แนวกระดูกสันหลังแคบลงเป็นเหตุทำให้กระดูกสบกันจนหินปูนมาเกาะ และทำให้แนวกระดูกสันหลังไม่มั่นคง และไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง จนทำให้เกิดอาการปวดคอ อาการชา หรือรุนแรงถึงขั้นกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล เคยได้รับอุบัติเหตุบริเวณกระดูกต้นคอ หรือลักษณะท่าทางและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม เช่น การก้มศีรษะในการทำงานหน้าคอม การก้มศีรษะเล่นมือถือตลอดเวลา เป็นต้น
อาการของกระดูกคอเสื่อม
- อาการปวดคอ ส่วนใหญ่มักจะเป็นอาการปวดแบบเรื้อรังมาเป็นเวลานาน หรืออาการปวดศีรษะ
- มุมการเคลื่อนไหวของศีรษะ จะมีการเคลื่อนไหวได้น้อยลง
- ภาวะคอแข็ง
- มีอาการชา โดยบางครั้งอาการชาจะมีร้าวลงไปที่สะบัก ไหล่ แขน มือ หรือนิ้วมือได้
- กรณีที่อาการรุนแรงขึ้น อาจเกิดภาวะกล้ามนื้ออ่อนแรงของแขนและขา
วิธีการป้องกันและการรักษา
กระดูกคอเสื่อม ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ปฏิบัติมาเป็นระยะเวลานาน เมื่ออาการสะสมไปเรื่อยๆ จึงเกิดอาการปวดคอและกล้ามเนื้ออ่อนแรง ส่งผลถึงบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปด้วย ส่วนใหญ่จะกลายเป็นคนหลังค่อม ไหล่ห่อ คอยื่น ซึ่งทำให้บุคลิกภาพเสีย โดยวิธีการป้องกันหรือการรักษาสามารถปรับเปลี่ยนได้จากตัวเราเองง่ายๆ ดังนี้
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมท่านั่งการทำงานให้ถูกต้อง ควรนั่งให้หลังตรง ระดับเข่าต่ำกว่าสะโพก เท้าวางราบไปกับพื้น
- ควรลุกออกจากโต๊ะทำงานทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือบ่อยกว่านั้น เพื่อให้ร่างกายได้มีการขยับบ่อยๆ ไม่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตึงตัว
- การปรับอุปกรณ์ในการทำงาน เช่น การปรับจอคอม หรือโน๊ตบุ๊คอยู่ในระดับสายตา ทำให้ไม่ต้องก้มศีรษะตลอดเวลาการทำงาน
- หลีกเลี่ยงการแบกของหนัก และการสะพายกระเป๋าโดยไหล่ข้างเดียว ควรสะพายโดยใส่บนบ่าทั้งสองข้าง
- ควรยืดและออกกำลังกายกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ เพื่อให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและสร้างความมั่นคงให้กับกระดูกสันหลังคอได้
และหากอาการของกระดูกคอเสื่อมมีอาการรุนแรงจนทำให้เกิดความเสียหายของเส้นประสาทไขสันหลัง และทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง รีบควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและหากประเมินแล้วก็จะได้รับการผ่าตัดเพื่อทำการรักษาอาการต่อไป
ไม่อยากคอเสื่อม ป้องกันด้วย “แท่นวางโน๊ตบุ๊คเพื่อสุขภาพ”
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนั่งทำงานแล้วนั้น การมีตัวช่วยเสริมอย่างแท่นวางโน๊ตบุ๊คเพื่อสุขภาพ เพื่อปรับให้ระดับของโน๊ตบุ๊คอู่ในระดับสายตามากขึ้น และกระตุ้นให้เกิดท่านั่งที่ถูกต้องมากขึ้น ไม่ต้องก้มศีรษะมากจนเกินไป ทำให้ลดการทำงานของกล้ามเนื้อคอ บ่า และหลังได้ และช่วยบรรเทาอาการปวดคอที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย อีกทั้งยังเป็นการป้องกันอาการกระดูกคอเสื่อมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย โดยแท่นวางโน๊ตบุ๊คเพื่อสุขภาพทำจากวัสดุ Aluminum alloy น้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน ขนาดเล็กพกพาสะดวก ปรับระดับความสูงได้ 12 – 20 cm รองรับน้ำหนักได้ดี และช่วยระบายความร้อนของโน้ตบุ๊ค ด้วยการใช้งานง่ายๆ 3 วิธี กางออก ปรับระดับ ล็อค เพียงเท่านี้ก็จะได้แท่นวางโน้ตบุ๊คเพื่อสุขภาพที่พร้อมใช้งาน และห่างไกลโรคออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย